วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฝันเห็นงู

ทัานายฝัน หากฝันว่าเห็นงูขนาดกลางหรือขนาดใหญ่นอนอยู่เฉยๆ นิ่งๆโดยเฉพาะนอนในบ้านคุณหรือกลางป่าเขาลำเนาไพร จะหมายถึงเจ้าที่เจ้าทาง ไม่ใช่เนื้อคู่ 

หากฝันว่าถูกงูกัด หมายถึงการมีเรื่องกวนใจ มีปากเสียงกับผู้อื่น  การฝันถึงงูที่หมายถึงการพบเนื้อคู่นั้น จะต้องเป็นงูรัด หรืองูไล่เพื่อจะมารัดเท่านั้น ต้องมีการสัมผัสร่างกายคุณด้วย เช่น รัดรอบคุณ พันมือ หรือแข้งขาก็ได้ ถ้าไม่สัมผัสถูกเลยก็ไม่ใช่คู่ 

ขนาดของงูที่ฝันที่หมายถึงคู่รัก มักจะมีปานกลางถึงขนาดใหญ่ ถ้างูตัวเล็ก จะไม่หมายถึงคู่ โดยเฉพาะถ้าตัวเล็กและมาเป็นฝูงไม่ใช่คู่แน่นอน แต่จะหมายถึงความยุ่งยาก และปัญหาที่จะเกิดขึ้นระหว่างคุณและกลุ่มคนบางกลุ่ม ขนาดงูยิ่งใหญ่ จะหมายถึงความสัมพันธ์ที่เข้มข้นขึ้นตามขนาดงู และถ้างูสวยงาม หรือเป็นงูใหญ่มีฤทธิ์ เช่น พญานาค จะหมายถึงระดับฐานะทางสังคมและชื่อเสียงของคนที่จะเจอ
ส่วนลักษณะของงูในฝันที่เข้ามาหาคุณ  หากเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็วหมายความว่า จะพบคู่ที่เข้ามาแบบรวดเร็วปุบปับ ไม่ตั้งตัว  หากค่อยๆเลื้อยช้าๆมาคลอเคลีย แปลว่าต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับเรา ส่วนหากใครฝันว่าถูกงูไล่แล้วคุณหนีไม่คิดชีวิต  หมายความว่าเขาเป็นฝ่ายรักหรือจู่โจมคุณก่อน อาจถูกปลุกปล้ำได้ 

หากฝันว่าพยายามวิ่งหนีงู แต่ไม่พ้น งูตามมาจนได้ คุณจะได้คบเป็นแฟนกับคนนี้แน่นอน
แต่หากฝันว่าเจองู แล้วทำร้ายงู เช่น ฟันงูขาด กระทืบๆ งูจนตาย  คุณจะเจอคนถูกใจใช่เลย แต่เขาจะเดินผ่านคุณไป

ถ้าฝันว่าเจองูแล้ววิ่งหนีสุดชีวิต งูก็ไล่ไม่ลดละ จนสะดุ้งตื่น หมายถึงคุณเจอคนถูกใจ แต่คุณยังไม่พร้อม ส่วนเค้าคนนั้นก็ยังจะตามตื๊อคุณต่อไป
 ส่วนถ้าฝันว่างูค่อยๆ รัดอย่างนิ่งสงบ  แปลได้เลยว่าคุณจะพบเนื้อคู่ที่คุณพร้อมจะสานสัมพันธ์กับเขาแน่แล้ว

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แก้เคล็ดฝันร้าย

หากคุณฝันร้ายหรือฝันไม่เป็นมงคล ให้ท่องหรือภาวนาคาถานี้ แล้วเรื่องร้ายๆ จะกลับกลายเป็นดีหรือเรื่องร้ายๆ จะบรรเทาเบาบางลง

ให้ตั้งนะโม ๓ จบก่อน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
   

ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโธ
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ


ความฝันที่เกี่ยวข้องกับตนเอง หรือกับฐานะและสมบัติของตนเอง ในตำราทำนายฝัน มักทำนายไว้ตรงข้ามเสมอ เช่นฝันว่าเป็นเศรษฐี ทายว่าจะยากจนลง หรือฝันว่าได้เงิน มักจะเสียเงิน ฝันว่าถูกตัดศีรษะหรือถูกแทงไส้ไหล กลับถือว่าเป็นฝันดีจะได้ลาภหรือหมดเคราะห์

โดยเหตุนี้ การที่จะถือว่า ฝันชนิดใดเป็นฝันร้ายหรือฝันชนิดใดเป็นฝันดี จึงไม่อาจจะกำหนดแน่นอนในทันทีที่ตื่นจากฝันได้ แต่ส่วนมากการ “ฝันร้าย” ในฝัน เช่น ฝันร้องไห้ หรือฝันถูกตัดหัว ซึ่งในคำทำนายว่า จะมีลาภดังที่กล่าวมานี้ ผู้ที่ฝันมักจะเป็นทุกข์กังวล เกรงว่าการฝันของตนจะฝันเป็นร้าย เพราะจิตใจตื่นตระหนกตั้งแต่อยู่ในความฝันแล้ว แต่แท้จริงจากคำทำนายกลับปรากฎว่าเป็นนิมิตบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะได้รับโชค ซึ่งแปลว่า “ฝันดี” นั่นเอง

ไทยเรามีวิธีแก้ฝันอยู่อย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างกับคนต่างชาติ หรือฝรั่ง คือใช้วิธีเอาความฝันของตนไปเล่าให้ใครคนใดคนหนึ่งฟัง จะเป็น “ฝันดี” หรือ “ฝันร้าย” ก็ตาม คนที่รับฟังจากเรานั่นแหละจะเป็นคน “แก้ฝัน” ให้เราเอง คือพอเราเล่าจบ เขาก็จะต้องให้พรว่า “ฝันดีจะมีลาภ” ผู้ที่ฝันหรือไปให้เขาแก้ฝันจะต้องยกมือไหว้แล้วตอบว่า “สมพรปากเถิด” วิธีนี้คนเก่าๆ หรือคนไทยในชนบทยังนิยมใช้เป็น “เคล็ด” แก้ฝันของตนเองอยู่จนถึงทุกวันนี้ส่วนมาก เพราะถือว่าเมื่อให้อีกคนเป็นผู้แก้ฝันแล้ว ถ้าเป็นฝันร้ายก็จะกลายเป็นดี ถ้าฝันดีจะดียิ่งขึ้น

แต่วิธีการหรือ “ เคล็ด” ในการแก้ฝันที่ถือตามตำนานหรือความเข้าใจของตนเอง เท่าที่ได้รับคำบอกเล่าว่าเป็น “ฝันร้าย”นั้น ไทยเราก็มีวิธีแก้อยู่อย่างวิจิตรพิสดารเหมือนกันและถือเป็น “ประเพณี” กันมานมนานแล้วทีเดียว ซึ่งถ้าหากคุณๆ ผู้สนใจจะลองนำไปใช้ดูบ้าง ก็คงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอะไรนักเพราะอย่างน้อยก็เป็นการ “ ปลอบจิตใจ” ของตนเอง หรือ “ผู้ฝัน” ได้อย่างหนึ่งเหมือนกัน และวิธีการแก้ฝันนี้ เมื่อพิเคราะห์ดูแล้วก็มีเหตุอันควรนับเนื่องเข้าในข่ายของการ “หักกลบลบล้าง” อยู่ได้บ้างเหมือนกัน ดังที่จะได้กล่าว เช่นฝันเห็น “ไฟ” หรือ “ไฟไหม้” ซึ่งตามคำทำนายก็ว่าจะได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจนัก ตำราเคล็ด ในการแก้ฝันของโบราณ ก็แนะนำให้ไปแก้กับ “แม่น้ำ” หรือ “คงคา” หรือใช้ “น้ำ” เป็น “เคล็ด” ในการดับ “ไฟ” เสีย ก็จะทำให้เรื่องราว หรือเหตุการณ์ร้าย ที่จะเกิดล่วงหน้า มีอันบรรเทาลงไป

และคนโบราณก็คือว่า “เคล็ด” วิธีนี้ดีที่สุด ในการแก้ฝันชนิดนี้ แต่ถ้าจะให้ดีขึ้นไปกว่านั้น คนโบราณ หรือเจ้าตำรับคำทำนายฝัน เขาแนะว่า เมื่อสะดุ้งตกใจตื่นจากฝันร้าย ไม่เฉพาะแต่จะฝันเรื่องไฟอย่างเดียว แม้ฝันอื่นๆ ก็ตาม ที่ทำให้ตกอกตกใจนั้น ให้รีบลุกขึ้นนั่งกราบหมอน รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเสียสามครั้ง แล้วสวดมนต์ภาวนาเท่าที่สามรถจะสวดได้ ทำนองขอคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ให้ช่วยปกปักรักษาและขจัดเหตุร้ายต่างๆ ที่จะเกิดแก่ตัวเราให้หมดสิ้นไป ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดถ้าเราสามารถจะปฏิบัติตามได้ และการสวดมนต์นี้ ก็ควรจะสวดทุกคืนก่อนนอนด้วยยิ่งดี

อย่างไรก็ตาม มีเคล็ดหรือวิธีแก้ฝันหลักใหญ่ๆ อยู่บางประการของตำรับโบราณ ที่จะนำมากล่าวเป็นส่วนประกอบได้บ้างในที่นี้ นอกเหนือจากการสวดมนต์ภาวนา ขอคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่คุ้มครองแล้ว…คือ
ถ้าฝันว่า ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ทำนายว่าจะมีเคราะห์ ต้องไปแก้กับหญิงมีครรภ์ หรือ คนมีท้อง (คือเล่าให้หญิงนั้นฟัง แล้วหญิงนั้นกล่าวเป็นทำนองว่า “ฝันดี” จะมีลาภ ดังที่กล่าว)  .... ทํานายฝัน

ความฝันกับตัวเลข

ความฝัน ของคนเราที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต เช่นมนุษย์หรือสัตว์ หรือกับสิ่งของต่างๆ ตามตำราทำนายฝันส่วน มาก ที่ให้ความหมายของสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวเลข มักจะมีส่วนใกล้เคียงกันอยู่มาก ซึ่งอาจเกิดจากการสังเกต หรือ พิจารณาเอาจากลักษณะรูปร่าง หรือจุดเด่น หรือลำดับของตัวอักษรของสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาเป็นหลักเกณฑ์ โดย ใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มานานหลายชั่วอายุคนแล้วก็ได้ จึงสามารถให้ความเชื่อถือต่อการทดลองเปรียบเทียบ ในลักษณะที่เรียกว่า ใกล้เคียงหรือมีส่วนตรงกับเป้าหมายได้เป็นส่วนมาก

เหตุนี้ ผู้เป็นเจ้าของตำรับเดิม จึงได้พยายามถอดเอาสิ่งที่ฝันถึงเหล่านี้ออกมาเป็น “เลข” โดยถือเอาว่าเป็น “อิทธิพล” อย่างหนึ่งของตัวเลข ที่บันดาลให้เป็นไปในมโนภาพแห่งความฝันของคนเรา ซึ่งแม้จะยึดถือเป็น หลักเกณฑ์ตายตัวหรือ “แม่นยำ” ที่เดียวนักไม่ได้ แต่ก็เชื่อว่าจะมีส่วนใกล้เคียงกันอยู่บ้าง

จึงขอให้ผู้อ่านที่สนใจลองใช้ความสังเกต หรือลองหัดพิจารณาดูเองบ้าง หากจะผิดพลาดไปจากคำทำนาย ก็ขอให้ถือว่าเป็นส่วนประกอบในการหาความสนุกหย่อนใจ หรือเป็นเครื่องบันเทิงใจอย่างใดอย่างหนึ่งก็แล้วกัน (รวบรวมจากหลายตำราเพื่อให้พิจารณากัน บางตำราอาจขัดแย้งกัน ตีความต่างกัน ขอให้ท่านพิจารณา)

หลักคำทำนายและการใช้วิธีสังเกตจากตำรับโบราณเดิมมีดังนี้ถ้าฝันเห็น กษัตริย์,พระราชินี,ประมุข,คนแก่หง่อมสูงอายุ,บิดามารดา,พระพุทธรูปบูชา, พระประธานในโบสถ์, พระแก้วมรกต,ฯลฯ มักจะเป็นเลข ๙ (เฉพาะองค์พระราชินีนั้น ถ้าในฝันมีองค์พระราชายืนประทับเคียงข้าง ให้ถือเป็น ๘ และองค์กษัตริย์เป็น ๙ ฉะนั้น เลขนี้จะต้องเป็นเลข ๒ ตัว คือ ๙๘ หรืออาจจะเป็น ๒๙ ก็ได้)

ถ้าฝันเห็น ไก่,หนู ฯลฯ มักเป็นเลข ๑ (ถือเอาว่า ก. ไก่ เป็นพยัญชนะตัวแรก และหนูเป็นปีแรกของปีเกิด หรือปี ๑๒ นักษัตร คือชวดแปลว่าหนู)

ถ้าฝันเห็น เสาเรือนโดดเดี่ยว,ไม้ไผ่, ดินสอ, ก้านธูป, หรือสิ่งที่เรียวยาว เช่น เส้นเชือกขึงตรง, เส้นหมี่ หรือ เสาธง (ไม่มีธง) ก้านไม้ขีด, ไม้บรรทัด,ไม้เรียว, บุหรี่, มักจะเป็นเลข ๑

ถ้าฝันเห็นคนตาย,ศพ หรือโลงศพ มักจะเป็นเลข ๔ ( ในทางอิทธิพลของตัวเลขนี้ว่าเลข ๐ แทน ๔ หรือ ๔ แทน ๐ ได้ ฉะนั้นจึงเป็น ๔ หรือ ๐ ได้)

แต่ถ้าฝันเห็นคนที่ตายไปแล้วเป็นคนแปลกหน้าและเป็น “ผี” ในฝัน มักเป็นเลข ๖ (ซึ่งแปลความหมายว่า “ผีหลอก” คือ ”ผีโกหก” คำว่าหลอกหรือโกหกจึงเท่ากับ ๖)

ถ้าฝันเห็น หีบ ห่อ, กระเป๋าเดินทาง, โต๊ะ,เก้าอี้, เตียงนอน,วิทยุ หรือ สมุดหนังสือ หรือวัตถุสิ่งของที่มีรูปสี่เหลี่ยม มักจะเป็นเลข ๔

ถ้าฝันเห็นกระแสน้ำ หรือ น้ำ มักเป็นเลข ๒ (ถือเอาลำดับจากธาตุทั้ง ๔ คือ ๑. ดิน ๒. น้ำ ๓. ลม ๔. ไฟ เพราะฉะนั้น ถ้าฝันเห็นดิน ก็มักตรงกับเลข ๑ หรือฝันเห็น ไฟ ก็มักตรงกับเลข ๔)

.....

วันเวลาฝันบอกเหตุ

วันที่ฝัน
ฝันวันอาทิตย์  ท่านฝันคืนวันอาทิตย์ ดีร้ายของความฝันนั้นได้แก่คนทั้งหลาย (คนอื่นๆ) 
ฝันวันจันทร์  ท่านฝันคืนวัน จันทร์ ดีร้ายของความฝันนั้นได้แก่วงศ์ญาติของท่าน 
ฝันวันอังคาร  ท่านฝันคืนวันอังคาร ดีร้ายของความฝันนั้นได้แก่ พ่อแม่พี่น้องของท่านเอง 
ฝันวันพุธ  ท่านฝันคืนวันพุธ ดีร้ายของความฝันนั้นได้แก่ บุตรและภรรยา หรือสามีของท่าน 
ฝันวันพฤหัสบดี  ท่านฝันคืนวันพฤหัสบดี ดีร้ายของความฝันนั้นได้แก่ ครู อาจารย์ และมิตรสหายของท่าน 
ฝันวันศุกร์  ท่านฝันคืนวันศุกร์ ดีร้ายของความฝันนั้นได้แก่ สัตว์เลี้ยงของท่าน 
ฝันวันเสาร์  ท่านฝันคืนวันเสาร์ ดีร้ายของความฝันนั้นได้แก่ ตัวท่านเอง 
เวลาที่ฝัน
ฝันเวลากลางวัน  ไม่จำเป็นต้องเชื่อฝันกลางวัน(ความฝันที่นิยมถือเป็นความจริงได้ ต้องฝันเวลากลางคืนไม่มีแสงอาทิตย์) อนึ่ง ลาภ ลาภ เป็นของมีค่าหรือเงินทองที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน หรือค้าขายได้กำไรมากมายอย่างไม่นึกฝัน โชค หมายถึง คราวหรือจังหวะ ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับดวงชะตาของผู้นั้นเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าได้ระมัดระวังตัวดี แล้วก็จะดีได้

ฝันเวลาหัวค่ำ  เป็นฝันที่ไม่อาจเป็นจริงไปได้ เพราะว่าท้องไส้ไม่ปกติ ทำให้ความฝันวุ่น จิตใจวุ่น แต่ถ้าหลับสนิทบางทีก็จริง 
ฝันตอนดึก ประมาณ ๔ ทุ่ม ถึงตี ๒  เป็นความฝันที่จะปรากฏเป็นความจริงขึ้นมา ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน หรือสองเดือนแน่ๆ 
ฝันยามใกล้รุ่ง ตอนตี ๒ ถึงสว่าง  เป็นความฝันที่จะเกิดขึ้นเป็นความจริงในเวลา ๓ วัน หรือไม่เกิน ๑๕ วัน 

เหตุแห่งความฝัน

ลางบอกเหตุ ในทางพุทธศาสนาเรียกว่า “บุพนิมิต” คือ ลักษณะ สภาวะ อาการ เหตุปัจจัย หรือเครื่องหมายที่แสดงให้รู้ล่วงหน้าก่อนที่ปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์ใดๆจะเกิดขึ้น เช่น ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นในตอนเช้าเราจะมองเห็นแสงสว่างที่ขอบฟ้าก่อน หรือก่อนที่ฝนจะตกเราจะเห็นเมฆฝนก่อน อย่างนี้เรียกว่าเป็นบุพนิมิต ซึ่งจะมีสิ่งที่เป็น สัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมายที่แสดงให้เห็นล่วงหน้า ว่าสิ่งนั้นๆ เหตุการณ์นั้นๆ หรือปรากฏการณ์นั้นๆกำลังจะเกิดมีเกิดเป็นขึ้นมา สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นล่วงหน้านี้มีอยู่หลายประเภท เช่น ลักษณะของคน สัตว์ สิ่งของ พืช ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ความฝัน เป็นต้น ความฝัน เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายอย่างหนึ่งที่สามารถแสดงถึงลางบอกเหตุล่วงหน้าได้
ในทางพุทธศาสนา มีหลายคัมภีร์ที่กล่าวถึงมูลเหตุแห่งความฝันไว้ เช่น คัมภีร์ทุติยสมันตปาสาทิกา และ คัมภีร์สารัตถสังคหะ เป็นต้น ในคัมภีร์สารัตถสังคหะมีการกล่าวถึงลักษณะการเกิดขึ้นของความฝันว่ามี ๔ ลักษณะ คือ
๑.ธาตุโขก เกิดจากธาตุวิปริต คือ ความฝันที่เกิดจากความเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงของสสารและพลังงานในร่างกาย ร่างกายมีความผิดปกติ หรือป่วยเป็นโรคต่างๆ เช่น บางคนนอนทับแขนตัวเองทำให้เลือดเดินไม่ได้ ทำให้เกิดอาการชาหรือเจ็บที่แขน จึงฝันว่ามีคนมาตีแขนบ้างประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บที่แขนบ้าง หรือบางคนเป็นหวัดคัดจมูกจึงฝันว่ามีคนมาปิดปากปิดจมูกทำให้หายใจไม่ออกบ้าง อยู่ในที่แคบที่ไม่มีอากาศหายใจบ้าง หรือขณะนอนหลับได้ยินเสียง ได้กลิ่น มีบางสิ่งมาสัมผัส หรือมีบางสิ่งมาทำให้เกิดความรู้สึกร้อนเย็น ก็นำสิ่งที่มากระทบขณะนั้นๆมาฝันเป็นเรื่องเป็นราวได้ เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าความฝันที่เกิดจากธาตุวิปริต

๒.อนุภูติบุพพะ เกิดจากอารมณ์ในกาลก่อน คือ ความฝันที่เกิดจากอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น ที่เก็บไว้ หรือยังค้างคาใจอยู่เมื่อก่อนที่จะนอนหลับ เช่น บางคนก่อนนอนได้คุยกับเพื่อนเรื่องการเรียน จึงเก็บมาฝันว่าทำข้อสอบได้คะแนนสูงหรือฝันว่าถูกครูต่อว่าหรือฝันว่าทำการบ้านถูกหมดทุกข้อ บางคนทำจานใบที่แม่ชอบแตกในตอนกลางวัน จึงเก็บมาฝันในตอนกลางคืนว่าได้ซื้อจานใบใหม่ที่เหมือนกันทุกประการกับใบที่แม่ชอบมาไว้แทนที่เรียบร้อยแล้ว บางคนมีความตั้งใจว่าจะบวชทดแทนคุณพ่อแม่นานมาแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสและเวลาที่จะบวชเนื่องจากติดภารกิจการงาน และตอนกลางวันเขาได้เห็นพระสงฆ์ คืนนั้นเขาจึงเก็บเอาอารมณ์ความตั้งใจในกาลก่อนมาฝันว่าได้บวชให้พ่อแม่ เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าความฝันที่เกิดจากอารมณ์ในกาลก่อน

๓.เทวโตปสังหรณ์ เกิดจากเทวดาหรือพวกโอปปาติกะ(เทวดา,พรหม,สัตว์นรก,เปรต,ภูตผีปีศาจวิญญาณ(แล้วแต่จะเรียกกัน)) มาดลสังหรณ์หรือมาเข้าฝัน เช่น วิญญาณคนตายมาเข้าฝันขอให้อุทิศส่วนบุญไปให้ มาเข้าฝันบอกหวย เทวดามาเข้าฝันบอกสิ่งที่เป็นมงคล เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าความฝันที่เกิดจากโอปปาติกะดลสังหรณ์

๔.บุพพนิมิต เกิดจากบุพนิมิตหรือความฝันบอกเหตุ คือ ความฝันที่บอกล่วงหน้าว่าจะเกิดบางสิ่งบางอย่างขึ้นในภายหน้า ซึ่งอาจเกิดจากญาณรู้ของเราเองหรือพวกโอปปาติกะมาดลสังหรณ์ เช่น ฝันว่าผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วมาขอเกิดด้วยและต่อมาบุตรที่เกิดมาจำอดีตชาติได้ว่าเป็นคนที่เคยมาเข้าฝันมาเกิด , ฝันว่าไฟจะไหมบ้านและต่อมาได้เกิดไฟไหม้บ้านจริงๆ เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าความฝันบอกเหตุ
ความฝันในพุทธศาสนาเรานั้นไม่ใช่เป็นฝันเรื่อยเปื่อยไปทั้งหมด เพียงแต่ผู้ฝันไม่อยู่ในสภาวะที่จะรู้ได้ว่า ความฝันนั้นเกิดจากสาเหตุใด ใน ๔ สาเหตุดังกล่าวนี้เท่านั้นเอง